ชวนรู้! 3 คำแนะนำจากจิตแพทย์ที่จะช่วยให้คุณลดความเครียด และความวิตกกังวลลงได้
ความเครียดและความรู้สึกวิตกกังวล คือสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย ยิ่งในยุคปัจจุบันที่สภาพสังคมเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้มนุษย์มีความต้องการสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตเพิ่มมากขึ้น เมื่อประกอบเข้ากับสภาพเศรษฐกิจและปัญหาโรคระบาดที่เกิดขึ้นในตอนนี้ หลายคนจึงไม่สามารถทำตามที่ตัวเองปรารถนาได้ จนเกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมาอย่างปัญหาครอบครัว การเรียน การทำงาน ไปจนถึงปัญหาความรักและเมื่อความเครียดเหล่านั้นสะสมมากขึ้นจนคิดไม่ตกก็อาจจะก่อให้เกิดโรควิตกกังวล โรคนอนไม่หลับและโรคซึมเศร้าตามมาได้ เพื่อช่วยให้ทุกคนรู้เท่าทันความเครียดของตัวเอง บทความนี้ THE OASIS คลินิกจิตเวช จึงขอเสนอ 3 คำแนะนำจากจิตแพทย์ที่จะช่วยให้คุณลดความวิตกกังวลลงได้ เพื่อให้หลาย ๆ คนได้ลองนำไปทำตามกันดู
จะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองเครียด หรือวิตกกังวลมากเกินไป
ก่อนที่เราจะไปพูดถึงวิธีการลดความเครียดและความวิตกกังวลกัน หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าความเครียดที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เป็นความเครียดที่จะนำพาไปสู่โรคอื่น ๆ อย่างโรควิตกกังวลและโรคซึมเศร้าได้หรือเปล่า เพราะความเครียดเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว ทว่าสิ่งหนึ่งที่จะสามารถบอกเราได้ว่ากำลังมีอาการไม่ปกติ คือสัญญาณจากร่างกาย กล่าวคือ หากคุณรู้สึกเครียดมากเกินไป คุณจะไม่เพียงรู้สึกว้าวุ่นใจเท่านั้น แต่จะมีอาการปวดหัว ปวดตามร่างกาย มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะและลำไส้ ใจสั่นง่าย เหงื่อออกง่าย รู้สึกเหนื่อยล้า ไม่มีสมาธิ หงุดหงิดง่ายและไม่อยากทำอะไรเลย เป็นต้น ดังนั้นหากใครรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังเครียดอยู่ ทำอย่างไรก็ไม่หายสักทีและมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วย ต้องเตรียมพร้อมรับมือให้ดีและหาทางผ่อนคลายความเครียดโดยเร็วที่สุด
แนะนำ 3 วิธีผ่อนคลายความเครียดและความวิตกกังวลตามคำแนะนำของจิตแพทย์
1. “พักผ่อนให้เพียงพอ” ด้วยการตื่นและนอนให้ตรงเวลา
รู้หรือไม่ว่า การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอคือหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้หลาย ๆ คนเกิดความเครียดได้ เนื่องจากการอดนอนจะทำให้ร่างกายของเราเหนื่อยล้าและไม่ได้รับการซ่อมแซม อีกทั้งยังทำให้ฮอร์โมนบางชนิดหลั่งออกมาเกินความจำเป็นอีกด้วย ซึ่งปัจจัยทั้งหมดนี้จะส่งผลให้เราเครียดได้ ด้วยเหตุนี้วิธีการลดความเครียดและวิตกกังวลวิธีแรก ๆ ที่จิตแพทย์หรือหมอจิตเวชหลายคนให้คำแนะนำ คือการนอนหลับให้เพียงพอและรู้จักจัดสรรเวลาในชีวิตให้เหมาะสม หมายความว่า เราควรรู้ตัวว่าเวลาไหนควรทำอะไรและไม่ควรทำอะไร เพื่อลดการทำงานเกินเวลา หรือการทำอะไรที่จะส่งผลให้เราเครียดนานเกินความ รวมไปถึงการนอนหลับให้เพียงพอด้วย สำหรับเวลาที่เหมาะสมในการเข้านอน คือช่วง 4 ทุ่มเป็นต้นไป เพราะหลังจากนอนไปสักพักร่างกายจะเริ่มหลั่งสารเมลาโทนินที่จะทำให้เรารู้สึกง่วงนอนไปจนถึงช่วงเวลาประมาณตี 1 ทำให้เรานอนหลับได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าเลยเวลาทองช่วงนี้ไปแล้ว อาจจะนอนหลับยากจนติดเป็นนิสัยและเกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมาได้
2. “เล่นโยคะ” เน้นออกกำลังกายสลายความเครียด
วิธีการต่อมา คือการออกกำลังกาย วิธีการนี้ไม่เพียงช่วยให้เรามีสุขภาพกายดี หรือมีรูปร่างสมส่วนเท่านั้น แต่ยังช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจให้สดชื่นและตื่นตัวอยู่เสมอด้วย เพราะเมื่อเราออกกำลังกายประมาณ 20 นาทีขึ้นไป ร่างกายของเราจะหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน (Endorphin) หรือที่เรารู้จักกันในชื่อสารแห่งความสุข เมื่อสารตัวนี้หลั่งออกมาจะช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลาย บรรเทาความเครียดและช่วยลดความซึมเศร้าได้ ซึ่งการออกกำลังกายที่จิตแพทย์หรือหมอจิตเวชหลายคนแนะนำ ก็คือ “การเล่นโยคะ” เนื่องจากการออกกำลังกายประเภทนี้ ไม่เพียงช่วยเรียกเหงื่อเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เราฝึกควบคุมการหายใจควบคู่กันไปด้วย ซึ่งการได้หายใจลึก ๆ ประสานไปกับท่าทางต่าง ๆ ของการเล่นโยคะ จะช่วยให้เรามีสมาธิและจิตใจสงบมากขึ้น จึงสามารถช่วยบรรเทาความเครียดและความวิตกกังวลลงไปได้
3. ลองทำ “ศิลปะบำบัด” หากิจกรรมยามว่างและทำอะไรที่แปลกใหม่กว่าเดิม
การหากิจกรรมยามว่าง เพื่อพาตัวเองออกจากชีวิตประจำวันที่ทำเป็นประจำ ถือเป็นวิธีการพื้นฐานที่จิตแพทย์หรือหมอจิตเวชมักแนะนำให้ทำ โดยการดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ หรือการออกเดินทางท่องเที่ยว เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ นับว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เราสามารถแบ่งเวลามาทำได้ไม่ยากนักและช่วยให้หายเครียดได้เร็วมาก ๆ อีกด้วย หรือถ้าใครอยากลองทำกิจกรรมที่แตกต่างไปกว่านั้น การทำศิลปะบำบัดกับนักจิตบำบัด ก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะวิธีการนี้สามารถเข้าถึงจิตใจของใครหลาย ๆ คนได้โดยไม่จำเป็นต้องพูด เพียงขีดเขียนและวาดลวดลายตามใจต้องการ เพื่อปลดปล่อยความรู้สึกภายในออกมา ก็สามารถเยียวยาได้เหมือนกัน ยิ่งบางคนเกิดอาการเครียดสะสมโดยไม่รู้ต้นตอของปัญหาที่แท้จริง การบำบัดความวิตกกังวลด้วยวิธีนี้ถือว่าช่วยได้มาก เนื่องจากสามารถล้วงลึกเข้าไปในจิตใจภายในได้ดี แม้ไม่ต้องพูดออกมาก็เข้าใจได้นั่นเอง
ทั้งหมดนี้คือ 3 วิธีการเบื้องต้นสำหรับลดความเครียดและความวิตกกังวลที่จิตแพทย์หรือหมอจิตเวชมักแนะนำให้ลองทำ ทว่านอกเหนือจากวิธีการเหล่านี้แล้ว หากใครรู้สึกเครียดและวิตกกังวลหนักมาก ๆ การปรึกษาจิตแพทย์ที่คลินิกจิตเวชโดยตรง หรือใช้บริการปรึกษาจิตแพทย์ออนไลน์จากคลินิกจิตเวชหรือโรงพยาบาลที่ไว้ใจ เพื่อรับคำปรึกษาโรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล หรือโรคนอนไม่หลับก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยให้เราสามารถดูแลตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะยิ่งเรารู้เท่าทันตัวเองได้เร็วมากเท่าไร เราก็จะยิ่งทำการรักษาโรคซึมเศร้า โรคนอนไม่หลับ ถึงโรควิตกกังวลและโรคเครียดอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิมากขึ้นเท่านั้น
ที่ THE OASIS คลินิกจิตเวช เราให้บริการทางจิตเวช โดยนักบำบัด จิตแพทย์ หมอจิตเวชผู้เชี่ยวชาญ ดูแลครอบคลุมทั้งบริการทางจิตเวชทั่วไปในเด็ก วัยรุ่น ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ สามารถให้คำปรึกษาในกลุ่มอาการหลากหลายที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของท่านหรือคนที่ท่านรัก เริ่มตั้งแต่กลุ่มอาการเครียด เช่น รู้สึกวิตกกังวล คิดวกวน ไม่มีเรี่ยวแรง นอนไม่หลับ หงุดหงิดง่าย หรือแพนิค (อาการตื่นตระหนกโดยไม่มีสาเหตุ) ภาวะโรคทางจิตเวช เช่น โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล โรคนอนไม่หลับ อารมณ์สองขั้ว ย้ำคิดย้ำทำ ความผิดปกติทางการกิน รวมไปถึงปัญหาอื่น ๆ เช่น ปัญหาบุคลิกภาพ ภาวะหมดไฟในการทำงาน และปัญหาด้านความจำ หรือภาวะความผิดปกติทางอารมณ์ในผู้สูงอายุ
เรามีการตรวจประเมินสุขภาพจิตอย่างละเอียด ทั้งด้านการซักประวัติ ตรวจร่างกาย ระบบประสาทและประเมินศักยภาพสมองด้วยแบบสอบถาม จิตแพทย์ หมอจิตเวชผู้เชี่ยวชาญของเรา ไม่ว่าจะเป็นอาการแบบใด ผู้รับบริการจะได้รับความรู้ความเข้าใจในภาวะโรคและมีบทบาทในการวางแผนการรักษาร่วมกัน ทั้งในส่วนการรักษาด้วยยาและการทำจิตบำบัด
The Oasis คลินิกจิตเวช บริการวางแผนรักษาโรคทางจิตเวช
โรควิตกกังวล โรคนอนไม่หลับ โรคซึมเศร้า อาการแพนิค อารมณ์สองขั้ว ย้ำคิดย้ำทำ จิตบำบัดแบบกลุ่ม
Comments