Self-awareness เป็นจุดเริ่มต้นของการมีความสัมพันธ์ที่ดี
- The Oasis Team

- 11 นาทีที่ผ่านมา
- ยาว 1 นาที

เวลามีแฟน หลายคนอาจอยากรู้สึกเหมือนมีคนรู้ใจอยู่ข้างๆ คิดจะทำอะไรก็มีอีกคนเป็นแนวร่วม ต้องการอะไรก็มีอีกคนคอยตอบสนอง แค่ “มองตาก็รู้ใจ” อะไรจะสุดแสนโรแมนติก โดยเฉพาะช่วงแรกๆ ของความสัมพันธ์ที่เราและแฟนมักจะ “ตัวติดกัน” อยู่บ่อยๆ แต่รู้หรือไม่ว่า การอยากมีคนรู้ใจมักกลายเป็นความคาดหวังอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อเรามีความต้องการอยู่ลึกๆ ให้แฟนคาดเดาได้ว่าเรารู้สึกอะไร ต้องการอะไร จนกลายเป็นการเอาความรู้สึกของตัวเองไปฝากให้เขาแบกโดยไม่รู้ตัว
การรู้ใจกันไม่ได้นำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ราบรื่น
การที่อีกคนรู้ใจเราแบบไม่ต้องพูดอะไรเลยเขาก็ตอบสนองแล้ว อาจช่วยให้เรารู้สึกเป็นคนสำคัญและเป็นที่รัก แต่ไม่ใช่รากฐานของความสัมพันธ์ที่ราบรื่นในระยะยาว เพราะไม่มีใครสามารถตอบสนองความคาดหวังนี้ไปตลอดได้ เมื่อคบกันไปเรื่อยๆ เราอาจเริ่มเกิดคำถามว่าทำไมฉันกับแฟนถึงไม่เข้าใจกันเลยนะ
สาเหตุหนึ่งที่เรามีความคาดหวังนี้ มาจากการที่เราอาจไม่มี self-awareness เพียงพอว่าตัวเองรู้สึกหรือต้องการอะไร ทำให้เราไม่สามารถสื่อสารหรือแสดงออกได้ตรงจุด แฟนก็จะไม่เข้าใจว่าเราต้องการอะไรและเกิดการคาดเดาหรือตีความไปอีกแบบ การตอบสนองก็จะไม่ตรงจุด และมักจะทะเลาะกันในที่สุดเพราะความไม่เข้าใจกันนี่เอง
ยกตัวอย่างเช่น เวลาที่เราไม่รู้ตัวว่ารู้สึกเครียดอยู่ แล้วแฟนมาระบายปัญหาของเขาให้ฟัง เราอาจจะหงุดหงิดเขาที่ไม่รู้ว่าเราเครียด แล้วตัดพ้อว่าทำไมต้องพูดแต่เรื่องเครียดๆ ด้วยนะ แทนที่จะทำบรรยากาศให้มันผ่อนคลายหน่อย ซึ่งแฟนก็จะงง หรืออาจจะรู้สึกน้อยใจที่เราไม่ฟังเขาเลยแถมยังต่อว่าเขาอีก ความสัมพันธ์ก็จะเกิดระยะห่างขึ้น เพราะความรู้สึกของทั้งสองฝ่ายไม่ได้รับการตอบสนอง
ในอีกกรณีหนึ่ง เราไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกเหงาทุกครั้งที่แฟนไปกินข้าวกับเพื่อนในวันหยุด เราอาจจะตีความไปเองว่าเขาไม่ใส่ใจพอที่จะรู้ว่าวันหยุดเราอยากอยู่กับเขา แล้วต่อว่าเขาที่ไม่มาหาหรือใช้เวลากับเรา อาจหาว่าเขาไม่แคร์เราเลย ซึ่งแฟนก็จะไม่เข้าใจและอาจเริ่มตั้งคำถามกลับว่าเพราะอะไรเขาถึงไปกินข้าวกับเพื่อนบ้างไม่ได้ บทสนทนาก็จะกลายเรื่องอะไรที่ทำได้ ทำไม่ได้ หรือเขาแคร์หรือไม่แคร์เรายังไง แทนที่จะมาตอบโจทย์ว่าจริงๆ เราเหงาและอยากอยู่กับเขาในวันหยุด
การมี self-awareness ช่วยได้อย่างไร
คำตอบสั้นๆ คือเมื่อเรารู้ว่าตัวเองรู้สึกหรือต้องการอะไร เราจะสามารถสื่อการให้แฟนรู้ได้อย่างตรงไปตรงมา และแฟนก็สามารถตอบสนองเราได้โดยไม่ต้องคาดเดา การเข้าใจผิดและการทะเลาะกันก็จะลดลง
จากสองตัวเอย่างแรก หากเรารู้ว่าตัวเองรู้สึกเครียดอยู่ แล้วแฟนมาระบายปัญหาของเขาให้ฟัง เราก็อาจจะบอกเขาว่าตอนนี้ฉันเครียดอยู่นะ อาจฟังเธอได้ไม่เต็มที่ หรือจริงๆ ก็ไม่ได้อยากฟังอะไรเครียดๆ เพิ่มเท่าไร อยากทำอะไรที่ผ่อนคลายมากกว่า ซึ่งแฟนก็จะสามารถตอบสนองได้ตรงจุด เช่นไประบายกับคนอื่นแทน หรือชวนกันไปทำอะไรที่ผ่อนคลาย
ในกรณีที่สอง เราก็อาจจะบอกเขาว่าเวลาเธอไม่อยู่ช่วงวันหยุด ฉันรู้สึกเหงาและอยากใช้เวลาอยู่กับเธอ ซึ่งแฟนก็จะสามารถเข้าใจได้ตรงจุดและตอบสนองในรูปแบบที่เป็นไปได้สำหรับเขาเช่นกัน
วิธีเพิ่ม self-awareness ให้ตัวเองด้วยศิลปะผ่านรูปภาพ
จะเห็นได้ว่าการมี self-awareness ช่วยนำไปสู่การมีความสัมพันธ์กับแฟนที่ดีขึ้นได้ สำหรับหลายๆ คนการเริ่มต้นทำความรู้จักตัวเองไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะถ้าเราไม่เคยสังเกตความคิดหรือความรู้สึกของตัวเองมาก่อนเลย การใช้รูปภาพเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยได้
เริ่มจากการทำความคุ้นเคยกับความรู้สึกของตัวเองผ่านรูปภาพที่เห็นตรงหน้า ยังไม่ต้องเริ่มวาดรูปหรือ “ทำงานศิลปะ” อะไรเลย นำภาพอะไรก็ได้ขึ้นมาดู อาจเป็นภาพจากสื่อต่างๆ ภาพศิลปะจริงจังในหอศิลป์ หรือรูปภาพที่ตัวเองเคยถ่ายไว้ โดยไม่ต้องคิดอะไรเยอะ เน้นแว่บแรกที่เห็น แล้วถามตัวเองว่าภาพนี้ทำให้ฉันรู้สึกอะไร ใช้คำที่บอกความรู้สึก เช่นเห็นแล้วรู้สึกเศร้า เหงา เฉยๆ สบาย โล่ง อึดอัด วุ่นวาย ตื่นเต้น อบอุ่น ปลอดภัย วังเวง อาจเป็นคำที่สื่อถึงคุณลักษณะบางอย่าง เช่นหนัก เบา นุ่ม แหลมคม มืด สว่าง ร้อน เย็น ตื้น ลึก ซับซ้อน ก็ได้
ความรู้สึกไม่จำเป็นต้องเป็นคำพูดเท่านั้น ลองสังเกตความรู้สึกทางกาย ว่าเมื่อเห็นภาพนี้แล้วร่างกายตอบสนองอย่างไร เช่นภาพพระอาทิตย์ขึ้น อาจให้ความรู้สึกโล่ง เบาแถวๆ อกหรือหัว ภาพอุโมงค์มืดๆ อาจให้ความรู้สึกหนัก เหมือนมีอะไรกดทับในใจ ความรู้สึกที่ร่างกายบอกเราเป็น self-awareness อย่างหนึ่งที่ช่วยให้เรามีข้อมูลว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าทำให้เรารู้สึกอย่างไร ซึ่งคนสองคนมองภาพเดียวกันแล้วอาจรู้สึกไม่เหมือนกันเลยก็ได้ บางคนมองภาพพระอาทิตย์ขึ้นแล้วรู้สึกเศร้าแทนโล่ง หรือเบาก็เป็นไปได้ เพราะเขาอาจมีความทรงจำบางที่เชื่อมโยงอย่างกับภาพที่เห็น ไม่มีใครถูกหรือผิด
ใช้ภาพ collage เช็คอินความรู้สึกตัวเองในแต่ละวัน
เมื่อเริ่มคุ้นเคยกับการใช้ภาพเข้าถึงความรู้สึกของตัวเองแล้ว เราสามารถเริ่มใช้ภาพในการสำรวจความรู้สึกตัวเองในแต่ละวัน ลองถามตัวเองว่าวันนี้ฉันรู้สึกอะไรยังไงนะ ถามร่างกายว่าตอนนี้รู้สึกอะไรตรงส่วนไหนบ้าง แล้วหาภาพที่สื่อถึงความรู้สึกนี้ พยายามใช้สัญชาตญาณ (intuition) แทนความคิดหรือเหตุผลระหว่างเลือกภาพ
ง่ายที่สุดคือ ถามตัวเองว่าภาพไหนที่โดนใจหรือดึงดูดความสนใจเรามากตอนนี้ เลือกมาหลายๆ ภาพก็ได้ แล้วเอามาวางรวมกันเป็น collage (ภาพตัดแปะบนกระดาษ) เมื่อเสร็จแล้วก็มองดูภาพทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้า นี่คือความรู้สึกของเราในตอนนี้ เราเห็นภาพนี้แล้วรู้สึกอะไรก็เขียนออกมา ซึ่งจะมีทั้งความรู้สึกรวมๆ จากการมองภาพใหญ่ทั้งหมด และภาพเล็กจากการมองแต่ละภาพที่อยู่ใน collage นี้ก็ได้
การทำ collage ในลักษณะนี้เพื่อเช็คอินความรู้สึกตัวเองจะช่วยเพิ่ม self-awareness ว่าเรากำลังรู้สึกอะไรในแต่ละวันบ้าง ถ้าอยากเจาะลึกลงไปอีก ก็สามารถตั้งโจทย์ให้ตัวเองก็ได้ เช่นอยากรู้ว่าเรารู้สึกอะไรในความสัมพันธ์ ก็ลองนึกถึงเหตุการณ์อะไรก็ได้กับแฟนหรือนึกถึงความสัมพันธ์โดยรวม แล้วใช้ภาพทำเป็น collage ขึ้นมา เมื่อมองดูภาพนี้ เราอาจจะได้รับรู้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่ความสัมพันธ์นี้มีต่อเราและที่เรามีต่อความสัมพันธ์นี้ ซึ่งสิ่งที่ภาพสื่อออกมาอาจไม่ใช่สิ่งที่เรารู้มาก่อนเลยก็ได้
อย่างไรก็ตาม self-awareness เป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้น คำถามต่อไปคือ มี self-awareness แล้วเราทำอะไรต่อ การมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นจะเป็นไปได้เมื่อเราใช้ self-awareness นี้ในการสื่อสารความรู้สึกและความต้องการให้แฟนรับรู้ ซึ่งจะนำไปสู่การลดความคาดหวังให้แฟนมารู้ใจเรา และช่วยลดปัญหาหรือการทะเลาะกันได้





ความคิดเห็น